2.19.2552

Spoil Your Tongue with special dish

เริ่มต้นปีใหม่ด้วยร้านอาหาร 3 สไตล์ให้คุณ ได้แปลงร่างเป็นหนึ่งในราชนิกูลกับบรรยากาศสุดหรูเหมือนอยู่ในฝัน อุ่นในหัวใจเมื่อได้สัมผัส พร้อมเสิร์ฟอาหารรสชาติเลิศ เครื่องดื่มรสชาติดีรับต้นปี 2552The French queen : Le Normandie Le Normandie เป็นชื่อของแคว้นๆ หนึ่งในประเทศฝรั่งเศส ที่กลายมาเป็นชื่อห้องอาหารสุดหรู คู่รักหลายคู่ฝันไว้ว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมาทานอาหารที่นี่ให้จงได้ ในบรรยากาศห้องอาหารสไตล์ฝรั่งเศส ที่คัดสรร เก้าอี้ทรงหลุยส์บุด้วยผ้าสีเหลืองทอง โซฟายาวสีแดงเบอกันดี้ เพดานด้านบนกรุด้วยผ้าไหมไทยแท้ๆ พร้อมห้อยโคมไฟแชนเดอเรียสุดหรู ให้แสงไฟสีเหลืองนวลตา นอกจากนี้ยังพิถีพิถันในการเลือกใช้จาน Hutschenreuther ประเทศเยอรมันในการเสิร์ฟอาหารแสนอร่อย เมนูจานแรกจัดว่าเป็นเมนูเบาๆ เรียกน้ำย่อยได้ดี Half Canadian lobster with red radish petals, red radish shaving and apple marshmallows นำ Canadian Lobster มาอบให้สุก จัดเสิร์ฟคู่ไปกับอะโวคาโดที่หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ เพิ่มรสชาติด้วยเกลือและพริกไทย ตกแต่งด้วยเบบี้สลัดและแอปเปิ้ลมาสเมโล ราดด้วย Coriander และ Ginger Source จานต่อมาเป็น Steamed duck foie gras Chartreuse with Madeira emulsion ตับห่านทอดพันด้วยใบผักโขม ราดด้วยซอสเห็ดทรัฟเฟิล ปิดท้ายเมนูแนะนำด้วยของหวานที่คัดสรรมาแล้วกับ Parfait of Nougat and pistachio นำถั่วพิตาชิโอมาสับเป็นชิ้นๆ ผสมกับไข่ขาวที่ตีให้ร้อนจนกลายเป็นอิตาเลียนมาแรง ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับมูส แล้วใส่ไว้ในแม่พิมพ์ แช่จนเย็น เสิร์ฟบน Lime Jelly สีเขียวสด เมนูนี้แนะนำให้ทานคู่ไปกับโฟมรสขิงที่แต่งหน้าด้วยอัลมอนด์ สไลด์
Le Normandie : โรงแรม Mandarin Oriental เลขที่ 48 ถนนเจริญกรุง บางรัก กรุงเทพฯ 10500 โทรศัพท์ 0-2659-9000 เปิดบริการวันจันทร์-วันเสาร์ เวลา 12.00-14.00 น. และ 19.00-22.30 น. วันอาทิตย์ เวลา 19.00-22.30 น.
The Exotic King : Al Majlis นำทุกคู่รักไปสู่โลกอาหรับกับบรรยากาศร้านที่ตกแต่งให้คุณได้รู้สึกอบอุ่นแสนสบาย “Al Majlis” หมายถึง สถานที่สำหรับพบปะพูดคุยหรือชุมนุมกันคล้ายๆ ห้องรับแขก ตกแต่งในสไตล์โมรอคโคกึ่งยุโรป โดยนำเฟอร์นิเจอร์และของใช้แบบชาวโมรอคโคขนานแท้มาช่วยสร้างบรรยากาศภายในร้าน คุณสามารถเลือกนั่งทานอาหารได้ทั้งในห้องนั่งเล่นและห้องดินเนอร์ โดยภายในห้องนั่งเล่นนั้นเต็มไปด้วยโซฟาหลากหลายรูปแบบ ทั้งยังเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับคู่รัก ด้วยมุมโซฟาสำหรับคู่รักที่ด้านในสุดของห้อง สำหรับห้องดินเนอร์ โดดเด่นด้วยเพดานสูง ห้อยผ้าม่านยาวจากบนลงล่างซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวบ้านสไตล์โมรอคโค คุณสามารถเลือกนั่งได้ทั้งแบบโต๊ะดินเนอร์ดูเป็นทางการ โซฟาชุดใหญ่กับกลุ่มเพื่อน หรือถ้าจะให้โรแมนติคสุดๆ ของแนะนำให้เลือกนั่งในโซนโซฟาด้านติดกระจกที่สามารถมองออกไปยังบริเวณสวนได้ เมนูของที่นี่ถูกปรับรสชาติให้ถูกปากคนไทยเรียบร้อยแล้ว เมนูแรก Feta Cheese Salad สลัดในสไตล์ฟิวชั่นที่ประกอบไปด้วย ชีส แตงกวา หอมหัวแดง มะเขือเทศ และเลมอน คลุกเคล้าด้วย red wine vinegar และน้ำมันมะกอก Pastilla Chicken หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นปอเปี๊ยะแบบโมรอคโค ด้วยการนำเนื้อไก่ปรุงรสชาติหุ้มด้วยแป้งปอเปี๊ยะให้กลายเป็นลูกกลมๆ จากนั้นนำไปทอดจนเหลืองหอม แต่หากว่าอยากได้เมนูหนักท้องสักหน่อยลองสั่ง Tamatah Chicken Tagine สตูไก่ใส่เครื่องเทศ และมะเขือเทศที่เสิร์ฟออกมาพร้อมกับข้าว Cous Cous ที่ทางร้านทำเอง โดยนำแป้งสาลีมาผสมน้ำและเกลือ จากนั้นจึงอัดเป็นเม็ดๆ นำไปตากแดดให้แห้งแล้วจึงนึ่งให้สุก ส่วนของหวานต้อง Khaffa แผ่นแป้งปอเปี๊ยะอบจนเหลืองกรอบ วางสลับชั้นกับคัสตาร์ดสไตล์โมรอคโคด้วยการต้มนมผสมน้ำตาลและแป้ง แต่งหน้าด้วยผลไม้สดตามฤดูกาล ราดหน้าด้วยซอสจากลูกพีชที่ออกรสชาติเปรี้ยวหวาน เมนูนี้ลองทานคู่ไปกับ Morocco Mint Tea ชาเขียวที่ใส่ใบมิ้นสดๆ ลงในถ้วยเพื่อเพิ่มความหอมและรู้สึกเบาเวลาทานด้วย
Al Majlis : เลขที่ 83/8 ซอยเอกมัย12 ถนนสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110โทรศัพท์ 0-2392-2345 โทรสาร 02 392 2344 เปิดบริการวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 16.00-01.00น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 14.30-01.00 น.
The Cozy Princess :Minibar Royale ภายในร้านเต็มไปด้วยกลิ่นอายของ French Cafe ไม่ว่าจะเป็นประตูกระจกลายโค้งยาวแบบ French doors เสริมด้วยกรอบบานไม้สีเขียวเข้ม เข้ากันกับโต๊ะไม้สีโอ๊คและเก้าอี้บุผ้ากำมะหยี่สีแดงและเทา พร้อมชั้นวางหนังสือที่เรียงรายไปด้วยหนังสือจากวัยเด็ก หากต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถเลือกนั่งในห้องกระจกใจกลางร้านที่สามารถเนรมิตให้กลายมาเป็นห้องพิเศษสำหรับคุณโดยเฉพาะ เมนูของร้านเป็นการผสมผสานรสชาติดั้งเดิมของครัวฝรั่งเศสและอเมริกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่คุณจะได้พบกับเมนูอาหารของฝั่งยุโรปอย่าง Croque หรือ French onion soup อยู่เคียงข้างกับ burgers หรือ ribs อันเป็นอาหารยอดฮิตของสหรัฐอเมริกา แต่ไม่ว่าจะจานไหนก็รับประกันได้ว่าทำขึ้นจากวัตถุดิบคุณภาพอย่างแน่นอน เรียกน้ำย่อยกันที่สลัดเบาๆ Summer Ruby Salad ผักสลัดสดๆ เหมาะกับผู้หญิงที่ชอบทานอาหารสุขภาพ ทั้งเรดโอค กรีนโอค มิซูน่า และรอกเก๊ต เพิ่มความรู้สึกสดชื่นด้วยการใส่เนื้อส้มซันคิสและเม็ดทับทิมสดๆ ลงไป และคลุกเคล้าด้วยน้ำทับทิมคั้นสดๆ ตามด้วย Ribs de Brooklyn ซี่โครงหมูส่วนที่เล็กที่สุด นำไปหมักข้ามวันข้ามคืนกับบาบีคิวซอสรสชาติเผ็ดหน่อยๆ ที่เชฟของร้านคิดค้นขึ้นเอง แล้วย่างจนสุกจึงออกเสิร์ฟเคียงกับผลไม้ย่าง ได้แก่ สัปปะรดและลูกพลัม แต่หากคุณอยากเลือกเมนูปลาให้กับคนรักของคุณ Pan-Roasted Seasonal Fish with Herb Butter, Breadcrumb & Roasted Tomatoes ปลากระพงทอดเนยที่นำไปสะดุ้งไฟแล้วเข้าเตาอบทั้งกระทะ จากนั้นโรยด้วยสมุนไพรและเกร็ดขนมปังทำเองที่อบจนเหลืองกรอบ เสิร์ฟพร้อมเห็ดอบสมุนไพร เคียงกับมะเขือเทศสีดาและกระเทียมย่าง แต่ที่พลาดไม่ได้เลยคือ ค็อกเทลนานาชนิดที่มีให้เลือกทั้งในแบบคลาสสิกและแบบพิเศษกับ Sparkling Wine Cocktail ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวของสปาร์กลิ้งไวน์กับวัตถุดิบที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิ สตอเบอรี่สดๆ ใน Champagne Au Fraise Refreshing flavor of Strawbeery Puree & Sparkling Wine แก้วนี้นำผลสตอเบอรี่สดๆ มาเคี่ยวกับไซรัปแล้วปั่นหยาบๆ ใส่ไว้ที่ก้นแล้วแล้วจึงเทกับสปาร์กลิ้งไวน์ลงไป ให้รสชาติหวานอมเปรี้ยว แถมยังได้เคี้ยวเนื้อสตอเบอรี่ด้วย หรือ Bumble Bee ที่มีส่วนผสมหลักของจิน น้ำผึ้งเขียวและมะนาวผสานเข้ากับสปาร์กลิ้งไวน์ ให้รสเปรี้ยวอมหวาน เวลาดื่มจะได้กลิ่นหอมของน้ำผึ้งผสมกลิ่นมะนาว
Minibar Royale : เลขที่ 37/7 Citadines Bangkok ซอยสุขุมวิท 23 ถนนสุขุมวิท คลองตันเหนือ วัฒนา กรุงเทพฯ 10110โทรศัพท์ 0-2261-5533 โทรสาร 0-2261-5503 เปิดบริการทุกวัน เวลา 16.30 - 24.00 น. หยุดวันอาทิตย์

ไม่มีความคิดเห็น: