9.20.2551

เสี้ยวหนึ่งของค;ามรัก

เสี้ยวหนึ่งในมิติความรักของเรา

เวลาใดก็ตามถ้าเราไม่แน่ใจในตัวเอง
เกิดความสงสัยว่าในขณะนี้เรารักคนคนนี้อยู่หรือเปล่านั้น

เราจะสามารถถามตัวเราเองด้วยคำถามง่ายๆเช่น

……

เมื่อเรารักใครก็ตามถ้าเป็นความรักที่แท้จริงแล้ว

เราจะรู้สึกอยากให้เขามีความสุข

เราจะรู้สึกอยากจะให้เขาได้พบเจอแต่สิ่งที่ดีๆ

และอยากให้คนอื่นๆนั้นรักเขาเหมือนที่เรารัก

……

หากเราอยากรู้ว่าใครคนนั้นได้รักเราอย่างแท้จริงหรือไม่

เราจะสังเกตได้จากการกระทำโดยทั่วไปที่ไม่มีการเสแสร้งหรือแสดง

เช่น เขาอยากให้เราได้กินอิ่มก่อนตัวเขาเองในยามที่ต่างก็หิวเป็นต้น

กลับกันหากเราอยากให้ใครกินอิ่มก่อนเราแล้ว เขาคือคนที่เรารัก

แม่ที่รักเราจะให้เรากินได้อิ่มก่อนตัวเองเสมอ เช่นเดียวกัน

……

กาลครั้งหนึ่งเราเคยคิดว่าถ้าเรามีแฟนเราคงจะไม่มีใจไปรักใครที่ไหนได้อีก

กาลครั้งนี้เราคิดว่าถึงเราจะมีแฟนที่เรารักแล้วเราก็ยังสามารถที่จะรักและจริงใจ

กับคนทุกคนที่เรารู้จักได้

……

กาลครั้งหนึ่งเราเคยสงสัยในเหตุผลที่ ว่าที่พ่อตาถามว่าที่ลูกเขยว่าทำไมถึงคิดแต่งกับลูกสาวตน

ว่าที่ลูกเขยตอบไปว่า her heart is gold หรือ หัวใจเธอเปรียบดังทอง

เราเคยคิดว่าหัวใจทองคำนั้นเป็นอย่างไร

ถ้าคนเราชอบที่จะคบกันที่จิตใจแล้ว

เราจึงสงสัยว่าคนที่มีจิตใจที่ดีงามนั้นเป็นอย่างไร

และเคยสงสัยว่าตัวเราเองนั้นจะสามารถพัฒนาจิตใจของตัวเองให้เป็นคนที่จิตใจดีงามบ้างได้หรือไม่

……

กาลครั้งหนึ่ง เราเคยคิดว่าเราไม่ควรจะใช้คำว่ารักอย่างพร่ำเพรื่อเกินไป

กาลครั้งนี้สิ เรากลับมีความคิดว่าเราควรจะมอบและแบ่งปันความรักให้คนรอบข้างอย่างพร่ำเพรื่อ

……

กาลครั้งหนึ่งเราเคยคิดว่า ความรักกับความใคร่นั้นเป็นสิ่งคู่กัน

กาลครั้งนี้ เราคิดว่าแม้สองสิ่งนี้จะเกี่ยวข้องกันบ้างแต่เรายังสามารถแยกความแตกต่างได้

สิ่งที่ชัดเจนคือความใคร่เป็นความต้องการพื้นฐานที่ติดตัวมาแต่เกิดแต่ความรักหาได้เป็นเช่นนั้น

ความใคร่อาจถือได้ว่าเป็นสัญชาติญาณ แต่ความรักนั้นไม่ใช่

และความใคร่เป็นความต้องการเป็นผู้รับ แต่ความรักนั้นเป็นความรู้ของผู้ให้

ถึงแม้ความรักจะไม่มีมาแต่เกิด แต่ความรักก็สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้

โดยอาจเกิดจากการพัฒนาของจิตใจ และการยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น

ความรักเป็นความรู้สึกที่วิเศษณ์

เพราะมีพื้นฐานมาจากการที่เราคำนึงและใส่ใจในความรู้สึกของผู้อื่น

แทนที่เราจะเห็นแก่ตัวซึ่งเป็นสิ่งที่กระทำได้ง่าย

แต่ความรักทำให้เรา สามารถแบ่งปันน้ำใจให้ผู้อื่นได้

ทำให้เราสามารถมีความปรารถนาดี มีความห่วงใย และอยากแบ่งปันความสุขคนที่เรารัก

รวมทั้งยังทำให้เราสามารถเสียสละเพื่อผู้อื่นได้ เพียงเพราะปรารถนาอยากให้คนเหล่านั้นมีความสุข

และพบเจอสิ่งที่ดีงาม ดังนี้จึงอาจถือว่าความรักเป็นสิ่งอัศจรรย์

เป็นสิ่งที่สร้างความสุขให้กับทั้งผู้ที่เป็นฝ่ายมอบความรักและผู้ที่ได้รับความรัก

……

เราสามารถมอบความรักที่แท้จริงให้ใครคนไหนสักกี่คนก็ได้อย่างเต็มที่โดยมิต้องเสียดายสิ่งใด

เพราะทุกครั้งที่เรามอบควากรักที่บริสุทธิ์ให้กับใครก็ตาม จิตใจของเราจักเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

หากเรามอบรักให้ใครแล้วจิตใจกลับมีความทุกข์เจือปนอยู่แล้วล่ะก็

สิ่งที่เราได้ให้ไปนั้นยังมิใช่ความรักที่แท้จริง

……

ในชีวิตเรานั้น มีคนที่เรารักมากมาย

ทั้งพ่อแม่ พี่น้อง ญาติ เพื่อน ผู้ที่มีบุญคุณกับเราทั้งหลาย และคนที่เรารู้จักอีกมากมาย

ทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่รวมทั้งถ้าวันหนึ่งเรามีแฟน เราก็คงรักแฟนเราอีกเช่นกัน

ในบุคคลที่กล่าวมาแล้วเหล่านี้เราไม่รู้หรอกว่าเรารักใครมากกว่ากัน

ไม่รู้ว่าเรารักใครมากแค่ไหน

ถึงแม้ว่าเราไม่อาจจะเปรียบเทียบได้

เรารู้เพียงแต่ ไม่ว่าเราจะรักใคร เราก็จะรักอย่างเต็มที่

เรารู้เพียงแต่ ทุกคนที่เรารักนั้นต่างก็เป็นคนที่เรารักมากมาย

และหากมีสิ่งไม่ดีเกิดกับบุคคลที่เรารักให้ต้องไม่สบายใจ

หรือหากเกิดเป็นอะไรไปไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามเราก็คงต้องเสียใจไม่ต่างกัน

……

กาลครั้งหนึ่ง เราเคยคิดว่าคนที่เรารักจักต้องรักเราคนเดียว

ตอนเด็กเราเคยคิดว่าพ่อกับแม่จะต้องรักเราไม่น้อยกว่าใครแม้แต่พี่น้องของเราเอง

ถึงแม้เราจะทำตัวไม่ดีอย่างไรแต่ก็ไม่ต้องการให้ พ่อและแม่รักพี่ชายของเรามากกว่ารักเรา

เราเคยคิดว่าถ้าวันหนึ่งเรามีแฟน เราคงอยากให้เธอรักเราคนเดียวไม่ไปรักใครคนอื่นอีก

หากแฟนเราไปเดินกับผู้ชายคนอื่น เราคงหึงหวงและคงไม่ชอบแน่ๆรวมทั้งคงรู้สึกไม่ดีอย่างมาก

กาลครั้งนี้ เราสามารถจะรักโดยปราศจากเงื่อนไข ปราศจากความหึงหวง

และไม่ได้คิดว่าตัวเรานั้นเป็นเจ้าของคนที่เรารักเลย

เขาก็ยังมีชีวิตเป็นของเขาเอง สามารถทำสิ่งใดๆก็ที่ใจเขาอยากจะทำ

เขาจะรักใครอีกสักกี่คนก็เป็น เรื่องธรรมดา และเป็นสิ่งที่เรารู้สึกยินดี

คนที่เขารักอาจเป็นพ่อแม่ของเขาเองหรือญาติพี่น้องหรือเป็นแฟน

หรือบุคคลใดที่เขารู้จักและถึงแม้จะเป็นสัตว์เลี้ยงหรือสิ่งของก็ตาม

หากเป็นสิ่งที่เขารักเราจะรักบุคคลหรือสิ่งเหล่านั้นเช่นเดียวกัน

……

กาลครั้งหนึ่ง เราเชื่อว่าการเป็นคนเจ้าชู้ นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี

กาลครั้งนี้ เราคิดว่าเจ้าชู้นั้นมีหลายแบบทั้งที่ ดีบ้างและไม่ดีบ้างแตกต่างกันออกไป

แบบที่เราคิดว่าไม่ดีที่สุดนั้น คือเจ้าชู้แบบพร่าผู้หญิง หรือพูดง่ายๆ ว่าพวกฟันแล้วทิ้ง

มีผู้เคยกล่าวว่ามีผู้ชายไม่น้อย ที่ขาดศีลธรรม ชอบพร่าผู้หญิงไม่เลือก

เมื่อพบใครก็พูดจาเกี้ยวพาราสีจนตายใจ ก็จะพร่าผู้หญิงคนนั้นแล้วทอดทิ้งไป

หรือถ้าไม่ทอดทิ้งก็จะหาประโยชน์คอยหาประโยชน์อยู่นั่นเอง

เมื่อพบคนใหม่จะทำเช่นนี้เรื่อยๆ ไม่สิ้นสุดตามความพอใจและโอกาส

เป็นการผิดศีลธรรมและมนุษยธรรมอย่างมาก

หากเป็นญาติพี่น้องหรือลูกหลานเราถูกรังแกถูกพร่าบ้างเราจะรู้สึกอย่างไร

ยิ่งถ้าท้องหรือมีลูกขึ้นมา แล้วการถูกทอดทิ้งจะยิ่งทรมานจิตใจ และเป็นการประจาน

ผู้หญิงคนอาจจะไม่อยากเข้าบ้าน ต้องซัดเซพเนจรยังความอับอายขายหน้าเป็นอันมาก

ต้องทุกข์ใจ และประสพกับความยากลำบากสาหัส

ต้องได้รับความพึงรังเกียจจาก ญาติพี่น้องมิตรสหายและสังคม

หากผู้หญิงคนนั้นมีจิตใจที่เข้มแข็งก็โชคดี แต่ถ้าไม่แล้ว

อาจต้องกลายไปเป็นผู้หญิงหากิน หรือค่าตัวตาย ทำแท้ง และเป็นปัญหาสังคม

เราซึ่งเป็นผู้ที่ก่อกรรมจะต้องเป็นผู้รับบาปอย่างมหันต์

ถ้าใครรู้ก็ตำหนิและเป็นที่รังเกียจจากสังคมที่ดี

เป็นที่รังเกียจของผู้หญิงดีๆ ไม่มีใครอยากรู้จักติดต่อคบหา ต้องเสียเกียรติ อนาคตหมองมัว

การเจ้าชู้พร่าผู้หญิงจึงเป็นการกระทำที่เลว เป็นกรรมอันชั่วช้า

สำหรับเราคิดว่าแม้จะมีเป็นส่วนน้อยแต่ก็พบเห็นได้ทั่วไปในสังคม

เป็นการกระทำที่ปราศจากความรักในเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

……

กาลครั้งหนึ่ง เราเคยคิดว่าถ้าเรามีแฟนแล้วต้องเลิกกัน

เราคงเสียใจ อกหัก คงจะเลิกรักกันและคงจะไม่อยากเจอะเจอเห็นหน้าพูดคุยกันอีก

กาลครั้งนี้นั้นเราคิดว่าหากเรารักใครแล้วคงจะไม่วันที่จะเลิกรักได้

คนที่เรารักไม่จำเป็นจะต้องเป็นกับแฟนกับเราเสมอไป

หรือหากคบกันกับเราเป็นแฟนแล้ว แฟนเราจะยังรักใครอีกก็ได้

หากวันหนึ่งต้องเลิกความสัมพันธ์การเป็นแฟนกันไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม

ก็คงจะยังรักกันเหมือนเดิมไม่ ไม่ต้องรู้สึกอกหัก และไม่ต้องเศร้าโศกเสียใจ

เราจะยังคงอยากพบเจอทักทายพูดคุยกันอีกไม่ต่างจากเดิม

หากคนที่เรารักจะมีแฟนหรือแต่งงานหรือมีสิ่งใดที่เป็นเรื่องดีๆเกิดขึ้นในชีวิตเขาก็ตาม

เราคงจะยินดีและดีใจด้วยกับเขาเป็นอย่างยิ่ง

……

กาลครั้งหนึ่ง เราอยากมีแฟน เฝ้ารอคอยว่าเมื่อไรจะมีคนมารักเข้าใจเราเสียที

เราเที่ยวไขว่คว้า เที่ยวเสาะหา ทั้งความรักและคนๆนั้นอยู่เรื่อยมา

เราเที่ยวเสาะหาความรักอยู่นานแสนนาน

พร้อมทั้งสงสัยในความหมายว่าความรักคืออะไรทำไมจึงมีหลากหลายนิยาม

เคยมีผู้รู้เคยพูดว่า เรื่องแบบนี้เมื่อถึงเวลาแล้วเดี๋ยวก็มาเอง

แต่เราก็ยังไม่เข้าใจและยังสงสัยว่า เมื่อไรจะถึงเวลา เมื่อไรจะมาเสียที

กาลครั้งนี้ เราก็ยังคงอยากจะมีแฟนอยู่เหมือนเดิม แต่

เราเข้าใจคำพูดของเพื่อนเราที่ว่าเขาไม่มีความคิดนี้มาหลายปีแล้ว

เราเข้าใจแล้วว่าเมื่อถึงเวลาก็มาเองหมายความว่าอย่างไร

เราเลิกวิ่งเสาะหาความรักและไม่สงสัยหรือสนใจว่าความรักคืออะไร

ตอนนี้เราคิดเพียงจะจริงใจและมอบความรักให้คนทุกคนเท่านั้นเอง

……

กาลครั้งหนึ่งเราเคยได้ยินว่าความรักนั้นเป็นสิ่งที่สวยงาม

ยามใดที่มีความรักเราจะมีแต่ความสุขโลกก็เป็นแต่สีชมพู

แต่มันก็มักจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้นสักพัก เวลาก็มักจะทำให้

บางสิ่งบางอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลง อยู่เสมอๆ

กาลครั้งนี้เรา ได้รู้จักความรักที่อยู่เหนือการเวลา ที่ไม่มีสิ่งใดๆเปลี่ยนแปลงได้

แม้เราจะเคยได้ยินว่าความรักนั้นสวยงาม แต่วันหนึ่งเราก็เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ในความงามของความรัก

ว่าเป็นสิ่งที่ดี และมีคุณค่ายิ่งเพียงใด ได้มีโอกาสรับรู้ว่าความรักนั้นวิเศษณ์เพียงใด

แค่นั่งพิมพ์ในตอนนี้เราก็มีความสุขแล้ว

แต่กว่าจะมีวันนี้ กว่าจะเข้าใจและรู้ซึ้งถึงคุณค่าของความรัก กว่าจะมีวันที่เราจะรู้จักความรักที่แท้จริง

กว่าจะมีวันที่เราสามารถมอบความรักที่บริสุทธิ์ ให้แก่ผู้อื่นได้นั้น

เวลาก็ผ่านล่วงเลยจนเกือบถึง 1 ใน 3 ของชีวิต

แต่เราก็ไม่ได้เสียดายเวลาที่ผ่านมาที่ใช้ไปในการเรียนรู้และลองผิดลองถูกเลย

อย่างน้อยเราก็สามารถค้นพบอีกหลายสิ่งเช่น จากที่เราเคยรู้เพียงว่าความรักนั้นสวยงาม

มาตอนนี้เรายิ่งเข้าใจซึ้งในความสวยงามนั้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

และพบว่าการเรียนรู้ไม่ได้ใช้เวลาเพียงแค่วันหนึ่งหรือสองวัน

แต่ในแต่ละวันที่ผ่านไปเราจะต้องพัฒนาความคิด ความรัก และจิตใจ

ให้ดีขึ้นอยู่เสมอ หรืออย่างน้อย ก็ไม่ให้ลดน้อยถอยลงกว่าเดิม

……

กาลครั้งหนึ่ง เราเคยอยากให้คนที่เรารักเป็นแฟนกับเรา

กาลครั้งนี้ เราคิดว่ามันไม่ใช่สิ่งคัญกับการที่คนที่เรารักทุกคนต้องมาเป็นแฟนเรา

ลางที เราอยากให้คนที่เรารักมีแฟนเป็นคนที่มีสิ่งต่างๆ ดีกว่าเราด้วยซ้ำไป

เราอยากให้คนนั้นเป็นคนที่เอาใจใส่คนที่เรารัก

เราอยากให้คนนั้นเป็นคนมีเวลาให้คนที่เรารักมากกว่าเรา

เราอยากให้คนนั้นมีความรักที่แท้จริง ไม่หวังสิ่งตอบแทนเหมือนที่เรารัก

……

หากเปรียบกับชีวิตของคน

ยามสุขล้นจนใจมันยั้งไม่อยู่

ก็คงเปรียบได้กับฤดู .. คงเป็นฤดูที่แสนสดใส

แต่ถ้าวันหนึ่งวันใดที่ใจเจ็บจนทุกข์

ดังพายุที่โหมเข้าใส่ บอกกับตัวเองเอาไว้

ความเจ็บต้องมีวันหาย ไม่ต่างอะไรที่เราต้องเจอทุกข์ฤดู

อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง

เมื่อวันเวลาที่ฝนจางฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ

ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ

……

ถ้าฉันรู้ว่ารักมันงดงามมากอย่างนี้

หากได้รู้ก็คงไม่ปล่อยมานาน

จะรีบไขว่คว้าตั้งแต่ครั้งเมื่อวันวาน

ไม่ยอมจะผ่านไม่ยอมจะปล่อยให้มันหลุดลอย

มาวันนี้นี้เมื้อฉันได้พบมัน

จึงได้รู้ว่าความรักนี้ช่างวิเศษเพียงใด

จะคอยรักษาดูแลรักนี้เรื่อยไป

ไม่ยอมให้ใครเข้ามาทำร้าย

ไม่มีความคิดเห็น: