ผมคือโต๊ะอาหารในฟู๊ดเซ็นเตอร์ที่อาคารทีซีซีแห่งนี้
อาคารแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางถนนสีลม ซึ่งเป็นย่านธุรกิจสำคัญ
ทุกๆวันระหว่างจันทร์ถึงศุกร์สถานที่แห่งนี้จะมีคนทำงานออฟฟิศมากมายมาทานอาหา
รเที่ยงกันในช่วงระหว่างเวลาเที่ยงถึงราวบ่ายโมงครึ่ง ด้วยเหตุที่สนนราคาที่ไ
ม่แพงเกินไปสำหรับคนชั้นกลางที่ทำงานในละแวกใกล้เคียง
ผมได้ยินเรื่องราวมากมายจากคนเหล่านี้ไม่ซ้ำหน้าไม่ซ้ำเรื่องหลากหลายรสชาด
วันนี้ลองดูซิครับว่ามีเรื่องอะไรที่โต๊ะผม
ผมได้ยินเสียงแว่วๆของสุภาพสตรีสองคนด้านหลังทางซ้ายมือ ผมเลยชำเลืองมองดู
(อย่าสงสัยเลยนะครับว่ามองจากอะไรเพราะผมเป็นโต๊ะผมมีดวงตาที่ไม่เหมือนคนอย่า
งพวกท่านหรอกครับ) ผมเห็นสุภาพสตรีอายุราวๆ 25 ปี
สองคนแต่งตัวในชุดทำงานดูเหมือนจะเป็นยูนิฟอร์มของธนาคารใดธนาคารหนึ่งในสีลมค
นหนึ่งผมสั้นอีกคนผมยาวทั้งสองมีถาดอาหารเข้าใจว่าจะเป็นมังสะวิรัติเพราะมีแต
่ผักเต็มจาน
คนผมยาวนั่งลงก่อนแล้วเอ่ยปากขึ้นว่า
"ใจเย็นๆน่าเล็ก ทานไปคุยไปก็ละกันนะ"
น้ำเสียงอ่อนโยนที่แสดงให้เห็นว่าเธอเอาใจใส่เพื่อนของเธอคนนี้มาก
คนผมสั้นเอ่ยตอบว่า "โอเค
โอเคฉันเชื่อเธอกบเพราะมีแต่เธอแหละที่ฉันกล้าคุยเรื่องในครอบครัวให้ฟัง"
สาวผมสั้นค่อยๆบรรจงวางถาดอาหารลง เธอเริ่มต้นทานอาหารไปอย่างช้าๆ
พร้อมๆกับเอ่ยปากเล่าเรื่องของเธอต่อไปว่า
"ฉันละเซ็งคุณแดงสามีของฉันเหลือเกิน หากฉันจะลิสท์ (list)
คุณสมบัติยอดห่วยของสามีฉันละก้อ เธอเอ๋ย ... หน้ากระดาษหนึ่งคงไม่พอ
กลับบ้านค่ำ แถมเอางาน กลับมาอีก ไม่ชอบดูละคร ดูแต่เคเบิ้ลทีวี
เวลาดูก็หมุนเปลี่ยนทุกช่อง ชอบเก็บกวาดบ้านด้วยตนเอง
ไม่เคยให้ความสนใจดูแลฉันเลย โอ๊ยฉันละเบื่อ...
ทีกับลูกน้องตัวเองละก็ประคบประหงมยิ่งกว่าลูกอีก เฮ้อ"
เธอถอนหายใจเสียงดัง หลังจากเล่าจบ เธอเอ่ยถามคู่หูคนสนิทต่อ
"กบเธอแต่งงานมาตั้งห้าปีแล้วมากกว่าฉันตั้งสามปี ทำไมไม่เห็นบ่นเรื่องสามีขอ
งเธอเลย เธอคงมองโลกในแง่ดีมากเลยนะ ฉันอิจฉาเธอจังเลย"
กบเอ่ยตอบ "เล็กฉันก็เคยเป็นอย่างเธอเหมือนกันเมื่อสองสามปีที่แล้ว
วันหนึ่งฉันอัดอั้นมากจนทนไม่ไหวด้วยสายเลือดเลขามืออาชีพของฉันซึ่งเหมือนๆกั
บเธอนี่แหละ
ฉันหยิบกระดาษออกมาแล้วระบายลงไปเลยว่ารายการความห่วยของสามีฉันเป็นอย่างไร
เธอรู้ไหมว่าฉันได้กี่ข้อ"
เล็กรีบถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น "กี่ข้อละ"
กบตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "สามสิบสองข้อเท่ากับขนาดเอวของสามีฉันเลยละ"
เล็กกลั้นหัวเราะไม่อยู่ข้าวในปากกระเด็นออกมาโชคดีที่เธอทานคำไม่โต
เธออุทานกลั้วเสียงหัวเราะว่า
"แหมเธอนี่ช่างเปรียบเทียบจริงๆนะ หึ..หึ..หึ"
กบเล่าต่อ
"เย็นวันนั้นฉันตั้งใจว่ากลับบ้านแล้วฉันจะส่งรายงานชิ้นเอกให้สามีของฉันดูเพียงแต่ว่าฉันต้องไปงานศพลุงของฉันก่อน
พอเลิกงานฉันก็รีบรุดไปงานศพของลุงฉันซึ่งอายุ
เพิ่งห้าสิบเองคุณป้าฉันก็อายุห้าสิบเหมือนกันลุงฉันเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุร
ถยนต์คว่ำซึ่งถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่ได้ คาดคิดมาก่อน
ป้าฉันตกใจมากเธอไม่เคยเตรียมใจสำหรับเรื่องนี้มาก่อน
ฉันสนิทกับป้าฉันคนนี้มากเป็นพิเศษ
เมื่อฉันไปถึงงานศพฉันก็ไปนั่งคุยกับคุณป้า
เมื่อไปถึงคุณป้าก็ซึ่งมีสีหน้าเศร้าสร้อยอยู่ก็ดีใจที่พบหน้าฉัน
เราสองคนนั่งคุยกันสักพักคุณป้าก็หยิบกระดาษโน๊ตสองสามแผ่นออกมา
แล้วก็ส่งให้ฉันดู
ฉันรับมาดูแล้วก็นั่งอ่านในกระดาษนั้นมีข้อความดังต่อไปนีเธอบรรยายข้อความในก
ระดาษโน๊ตของป้าเธอต่อ
"ถึงสามีที่รัก วันนี้ทั้งวันฉันนึกถึงเธอตลอด
เวลาสิบห้าปีที่เราอยู่ด้วยกันฉันมักจะบ่นต่อว่าในข้อเสียของเธอมาตลอดจนกระทั่งถึงวันที่เธอจากไป
เมื่อฉันมีโอกาสทบทวนดูชีวิตคู่ของเราฉันพบว่าฉันได้มองข้ามสิ่งดีๆของเธอไปมา
กมาย"
กบเล่าด้วยเสียงสั่นเครือ เธอเอ่ยต่อว่า
"ในกระดาษโน๊ตนั้นคุณป้าของฉันบรรยายคุณความดีของลุงไว้นับร้อยข้อพอฉันอ่านจบ
น้ำตาของฉันก็นองหน้า" ป้าฉันเอ่ยกับฉันว่า
"ป้ารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เป็นผู้บอกสิ่งดีๆเหล่านี้ในระหว่างที่คุณลุงของหนู
ยังมีชีวิตอยู่หลานอย่าทำพลาดแบบป้าอีกคนละ"
"ฉันนั่งฟังอยู่แล้วคิดตามไปว่า
มีคนจำนวนมากที่เมื่อคนรักของตนจากไปแล้วค่อยบันทึกคุณความดีของผู้จากไปลงที่
หลุมฝังศพหรือจัดพิมพ์เป็นเอกสารอย่างดีแต่ว่าผู้จากไปกลับไม่มีโอกาสอ่าน
ซึ่งขณะที่เขามีชีวิตอยู่กับได้ยินแต่สิ่งที่เป็นข้อบกพร่องของเขา
คิดได้อย่างนั้น
ฉันรีบดึงเอาลิสต์รายการของสามีฉันออกมาแล้วฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เลิกงานศพแล้วฉันรีบกลับบ้านทันที
พอเจอหน้าสามีฉันก็กระโดดกอดเขาเลยเสร็จแล้วฉันก็ถือโอกาสาธยายคุณความดีทั้งห
ลายของเขาว่ามีอะไรบ้าง
สามีฉันมีสีหน้าแปลกใจเล็กๆแต่ว่าท่าทีเขาดูอ่อนโยนมากขึ้น
และเอื้ออาทรกับฉันขึ้นมาทันที ฉันเองก็เริ่มมีความรู้สึกที่ดีต่อเขามาก
หากเรารักใครแล้วเราบอกสิ่งที่ดีของเขาให้เขาได้ยินเขาก็จะรักเราตอบและบอกสิ่
งที่ดีตอบกลับมา
สามีฉันก็เผยความในใจถึงข้อดีของฉันอีกมากมายที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน"
"ตั้งแต่นั้นมาฉันก็เลิกคิดถึงรายการจุดอ่อนของคนที่เรารักฉันคิดว่าเราควรจะรักเขา
อย่างที่เขาเป็นแหละอย่าไปหวังให้เขาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่แตกต่างกับเราเลยความรักที่แท้จริงก็คือ UnconditioningLove คือ
การที่เรารักเขาแล้วไม่ได้ตั้งเงื่อนไขให้เขาเปลี่ยนแปลงอะไร
จงรักเขาอย่างที่เขาเป็น แล้วโฟกัสในสิ่งที่ดีของเขาซะเราก็จะมีความสุข
เขาก็จะมีความสุข"กบเล่าจบด้วยสีหน้าอิ่มเอิบ
เล็ก ซึ่งนั่งฟังอยู่อย่างเงียบๆ นัยน์ตาเธอมีน้ำตาคลอเบ้าอยู่
ในมือเธอกำแน่นด้วยเศษกระดาษลิสต์รายการที่บัดนี้ถูกเธอฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้
อย อยู่ๆ เล็กเอ่ยขึ้นว่า"ขอบใจมากจ๊ะกบฉันว่าเรารีบกลับออฟฟิศเถอะ
ฉันอยากโทรหาสามีของฉันหน่อย มีข้อดีของเขาอีกมากที่ฉันควรจะบอกเขา"
9.24.2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น