Everything is a miracle … ประโยคง่ายๆ ที่บอกถึงความรู้สึกของคุณบิ๋ง-นันทมาลี ภิรมย์ภักดี ต่อเรื่องราวความรักที่กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 20 กับคุณจ๊ะ-วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี ผู้ชายแสนดีที่มอบความรักให้แก่กันอย่างไม่มีวันหมดอายุ
“บิ๋งกับคุณจ๊ะเจอกันครั้งแรกตอนไปเรียนที่อังกฤษเมื่ออายุ 14 ปี แต่มาได้ทำความรู้จักกันจริงๆ คือช่วงที่ปิดเทอมพร้อมๆ กันหลังจากนั้น 2 ปี แล้วจึงได้ไปเที่ยวด้วยกันพร้อมเพื่อนๆ และติดต่อกันทางจดหมาย แต่เป็นการเขียนแบบหยอกกันไปมา พอกลับมาเมืองไทยก็ยังคงติดต่อและไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนเหมือนเดิม จนกระทั่งก่อนที่คุณจ๊ะจะบินกลับไปเรียนต่อ ก็ตัดสินใจคบหากันเป็นแฟน ซึ่งการคบหานี้อยู่ในสายตาของผู้ใหญ่มาโดยตลอด กระทั่ง 5 ปี ผ่านไป จึงได้ตัดสินใจหมั้น และบินไปเรียนต่อที่นิวซีแลนด์ด้วยกัน ข้อดีคือเราได้อยู่ด้วยกัน ได้ทำความรู้จักและปรับตัวเข้าหากันจริงๆ เราได้เรียนรู้กันมากขึ้นกว่าเดิมในอีกสถานะหนึ่ง จนกระทั่งเรียนจบกลับมาเมืองไทย จึงตัดสินใจแต่งงานกันก่อนที่จะบินไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา
“การอยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ ทำให้ต้องปรับตัวสูง เราต้องปรับตัวลงมาเป็นช้างเท้าหลัง ให้เกียรติเขาเป็นช้างเท้าหน้า แม้ว่าเราชินกับเสรีภาพแต่การเป็นครอบครัวคือต้องยอมกัน เข้าใจกัน ไม่ใช่เอาชนะกัน ฉันเก่งกว่า ถูกตลอดไม่ได้ เราต้องเอาอีโก้ออกไปเลย ไม่เช่นนั้นจะยิ่งเกิดปัญหา แต่นานวันเข้าคุณจ๊ะยิ่งทำให้บิ๋งรู้สึกว่า เขาดีขึ้นทุกวัน หลังแต่งงานไปแล้วเขาทำให้เรารู้สึกเลยว่า เขารับผิดชอบต่อตัวเรามากขึ้น เป็นห่วงเป็นใย ดูแลมากขึ้น
“ตอนแต่งงานมีผู้ใหญ่เตือนว่าให้อดทนซึ่งบิ๋งก็เชื่ออย่างนั้นเช่นกัน เวลาเจออุปสรรคไม่เข้าใจกัน เช่นบางทีมีคำพูดบางคำของเขาทำให้เราเสียใจและทะเลาะกันขึ้นมา ซึ่งในตอนนั้นสมองจะปิดทั้งหมดบวกกับอารมณ์เข้าไปอีกคงคุยกันให้เข้าใจได้ยาก วันนั้นอาจทำให้เรารู้สึกแย่ แต่พอมาทบทวนหลังจากนั้น จะพบว่า เขาไม่ได้หมายความอย่างที่พูด เขาไม่ได้ตั้งใจ จริงๆ แล้วเขายังรักเรานะ ด้วยพื้นฐานของความรักที่มีให้กัน ตรงนี้แหละที่ทำให้เราเข้าใจและอดทนกับอุปสรรคต่างๆ ได้ แล้วจะมีวันดีๆ กลับมาหาเราใหม่ ซึ่งบิ๋งเชื่ออยู่เสมอว่า ต้องทำให้มีวันที่ดีมากกว่าวันที่ไม่ดี
“ถึงแม้เราทั้งสองคนขึ้นชื่อว่าทะเลาะกันบ่อยก็จริง แต่ไม่เคยทะเลาะกันด้วยเรื่องที่รุนแรงเลย จะเป็นเรื่องเล็กๆ เช่น โทรมาแล้วทำไมไม่รับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ปัญหาที่เกิดขึ้นเวลาทะเลาะกันเป็นเรื่องที่ลืมได้ไม่ยาก วันรุ่งขึ้นก็หาย ข้อดีคือเราจะไม่เก็บปัญหาไว้เกิน 24 ชั่วโมง อย่างมากวันรุ่งขึ้นต้องคุยกันแล้ว เพราะอึดอัด หรือแม้จะโกรธกันอยู่ก็ยังจะโทรฯ ถามนั่นถามนี่ ทำเป็นพูดเรื่องอื่นไป พอเจอกันจึงค่อยมาคุยปัญหาที่เกิดขึ้นจะได้แก้ไขปรับปรุงกันไป เพราะเราเองมาจากคนละบ้าน คนละเรื่องราว บางทีมันต้องมีเรื่องที่ไม่เข้าใจหรือไม่ถูกใจกันบ้าง
“ส่วนปัญหาการนอกใจอะไรประเภทนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย คุณจ๊ะเป็นคนรักเดียวใจเดียวอยู่กับบิ๋งตลอด แล้วตัวเขาเองก็มีวิธีแก้ปัญหาและเพิ่มความมั่นใจให้บิ๋งเสมอ เช่นเขาจะบอกว่าเขาทำงานอยู่ที่ไหนบ้าง ในกรณีที่แบตเตอรี่โทรศัพท์ใกล้จะหมด ก็จะโทรเข้ามาบอกก่อนว่าแบตจะหมดแล้วนะ บิ๋งจะติดต่อเขาผ่านใครได้ เราก็สบายใจ หรือถ้าเขาไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ดึกหน่อยก็จะโทรมาบอกว่า ขอเวลาต่ออีกหน่อยนะ เพื่อว่าเราจะได้ไม่ต้องห่วง ซึ่งตรงนี้มันสำคัญมาก บิ๋งว่า บางปัญหาเกิดขึ้นเพราะตัวผู้หญิงเองไม่ไว้ใจด้วย แต่ฝ่ายชายเองก็ควรเปิดเผยให้เรารู้สึกมั่นใจ ไม่ใช่ทำลึกลับจนให้เราต้องสงสัย ซึ่งคุณจ๊ะสามารถตอบโจทย์ได้หมด
“แม้จะต้องดูแลครอบครัวคู่ไปกับการทำงานนอกบ้าน เราเหนื่อย เขาก็เหนื่อย แต่เราก็ต้องทำหน้าที่ของการเป็นภรรยาอย่างเต็มที่ ถึงจะไม่ได้เป็นคนทำอาหารให้เขาทานเองกับมือ แต่เราจะดูแลในด้านอื่นๆ เช่น ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านต้องมีให้ครบไม่ให้ขาด แต่จริงๆ แล้วส่วนสำคัญในหน้าที่ภรรยาคือคอยอยู่กับเขา คอยรับฟัง มานั่งคุยกันกับเขาเป็นผู้ฟังที่ดี วันนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เป็นเหมือนที่ปรึกษาของกันและกัน ดีที่เราเรียนรู้กันมาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นเราจึงทำความเข้าใจสังคมของทั้งสองฝ่ายได้โดยไม่ยาก
“แต่งงานได้ 8 ปีก็มีลูก พอลูกเริ่มโตก็ต้องจัดเวลาใหม่ บิ๋งจะเป็นคนพาลูกไปโรงเรียนเอง ปรับวิธีการทำงานโดยส่งงานผ่านทางอีเมลบ้าง แต่บางวันก็ต้องเข้าไปที่ออฟฟิศ คุณจ๊ะจะกลับบ้านเร็วมาดูแลลูกให้ ส่วนบางทีที่เราต้องออกงานด้วยกันก็จะพยายามพาลูกๆ ไปด้วย ให้ทุกคนมีความสุขกับการได้ทำกิจกรรมด้วยกัน หรือเอาเวลาที่คุณจ๊ะไปแข่งรถ เราก็พากันไปเชียร์กันทั้งครอบครัว คุณจ๊ะได้ทำในสิ่งที่ชอบ ได้เจอเพื่อน ได้มีพื้นที่ส่วนตัวโดยยังคงได้อยู่กับเราและลูกไปพร้อมๆ กัน
“ลูกทำให้ชีวิตเราสองคนมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน แม้จะเหนื่อยแค่ไหน แต่ทุกอย่างก็สดชื่นเหมือนเป็นพลังให้เราช่วยกันดูแลกันและกันมากขึ้น เพื่อทำให้บ้านเป็นบ้านที่สมบูรณ์ ที่สำคัญคือ คุณจ๊ะทำให้บิ๋งรู้สึกว่า บิ๋งยังคงสำคัญเสมอ ไม่ได้ทำทุกอย่างเพราะลูก แต่ทำทุกอย่างเพราะแม่ของลูกนะ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็มีความหมายกับเรามาก เช่นว่าเราเปรยๆ ว่าเราชอบอะไร อยากได้อะไร เขาไม่เคยมองข้ามหรือฟังผ่านๆ ไป เขาจะพยายามทำให้เรา สรรหามาให้เพื่อให้เรามีความสุข”
“คุณจ๊ะเป็นคนแน่วแน่ สม่ำเสมอ เป็นส่วนที่เราขาดไป บางครั้งเราไม่มีความมั่นใจหรือรู้สึกอ่อนแอ เขาจะเข้ามาเติมเต็มเป็นกำลังใจ คอยให้คำปรึกษา เราสองคนโตขึ้นมาพร้อมๆ กัน เอื้อเฟื้อและปรารถนาดีให้กัน ช่วยกันก้าวไปข้างหน้ามาตลอด บิ๋งเชื่อว่าความรักทั้งหมดที่เรามีให้กัน ไม่ว่าจะแสดงออกมาด้วยคำพูดหรือการกระทำ ทั้งหมดเป็นสิ่งอัศจรรย์ที่ช่วยผลักดันให้เราผ่านปัญหาทุกอย่างและช่วยให้เรามีแรงอยู่ด้วยกันเสมอ”
10.07.2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น