10.07.2551

The Perfect Missing Piece Of Love

นับแต่คุณชูเกียรติ อุทกะพันธุ์ ผู้ก่อตั้งบริษัทอมรินทร์ล่วงลับไป ภาพคุณแพร-ระริน กับคุณตุ๊ก -เมตตา อุทกะพันธุ์ มักจะปรากฏอยู่เคียงข้างกันตลอดเวลา และยังไม่เคยเห็นชายหนุ่มคนใดมาแทรงกลางความสัมพันธ์อันแนบแน่นและอบอุ่นนี้ได้
แต่แล้วเราก็ได้แสดงความยินดีกับชายหนุ่มใบหน้าอบอุ่น ชื่อโชคชัย ปัญจรุ่งโรจน์ หรือพี่หมี-- ที่ไม่ใช่การเข้ามาแทรกระหว่างกลางของคนทั้งคู่ แต่เป็นการเติมเต็มความรักที่มีอยู่เดิมแล้วให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
WE ขอสะกดรอยความรักของทั้งสองว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร มาเล่าสู่กันฟัง

ความรักของแพร กับความรักของหมี
คุณแพรเริ่มต้นบทสนทนา ด้วยการตอบคำถามของ WE ว่า เป็นโสดมานาน ไม่เหงาบ้างหรือ
"ไม่เหงาค่ะ เพราะหลังจากคุณพ่อเสีย ก็อยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ตลอด แล้วยังมีงานที่บริษัทให้ต้องดูแล เพราะฉะนั้น ทุกวันจึงไม่เคยรู้สึกเหงา หรือว่าไขว่คว้าหาใคร
"ผมเคยเห็นแพรทางบทสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว อ่านแล้วรู้สึกประทับใจ ชอบวิธีคิดของผู้หญิงคนนี้ รู้สึกว่ากว่าที่เขามายืนตรงจุดนี้ได้ เขาต้องเจออะไรมามาก"
"เคยเอาหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นไปให้คุณแม่ผมดู ท่านยังบอกว่า 'ตื่นๆ' เพราะรู้ว่าคงเป็นไปได้ยาก แต่ผมไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมนัดทานข้าวกับรุ่นน้องที่เอ็มโพเรี่ยม ระหว่างที่รอ มองลงไปข้างล่างเห็นมีงานอะไรสักอย่าง คนแต่งสีชมพูเต็มไปหมด (เรากระซิบบอกว่า งานเปิดตัว WE เองค่ะ) พอรุ่นน้องมา ผมเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน เลยบอกรุ่นน้องด้วยกันว่า ชอบผู้หญิงคนนี้ บังเอิญว่ารุ่นน้องคนนี้เป็นรุ่นพี่ของแพรที่โรงเรียนจิตรลดา และเพื่อนสนิทเขาเป็นลูกสาวของคุณภากร ศุภชลาศัย ซึ่งเป็นคนดูแลจัดสวนให้กับอมรินทร์ เธอจึงรับปากว่า เดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จัก"
หลังจากนั้น คุณหมีจึงฝากตุ๊กตาแม่ลูกดกของรัสเซีย ผ่านผู้ใหญ่ไปให้ ครั้งแรกที่ได้ แพรยังงงๆ ว่าใครกันให้ตุ๊กตาแบบนี้
"คงเพราะต่างฝ่ายต่างยุ่ง กว่าจะมาเจอกันได้ เลยใช้เวลาทิ้งห่างพอสมควร" คุณแพรเล่ายิ้มๆ "แต่ในที่สุดก็ได้นัดทานข้าวกันที่ริมน้ำ บริเวณออฟฟิศที่ตลิ่งชัน"
จนก่อนกลับบ้าน คุณแม่เปิดทางให้ว่า อีกสองวันจะเป็นวันเกิดแพร ชวนผมไปทำบุญด้วยกัน ซึ่งถ้าท่านไม่ชวน ผมคงไม่กล้าแน่ หลังจากนั้น ผมก็ขอเบอร์แพร และเริ่มเดทกันเหมือนหนุ่มสาวทั่วไป" คุณหมีตีหน้าขรึม "เราไม่ได้เป็นวัยรุ่นกันแล้ว และเข้าใจว่าเขาเองก็มีความรับผิดชอบค่อนข้างหนัก เราจึงไม่ได้มีเวลาจีบจี๋จ๋ากันมากนัก คือต่างฝ่ายต่างรู้ว่าอยากศึกษากันและกัน ก็ค่อยๆ ศึกษากันไป
แพรเคยผ่านช่วงเวลาที่มีความรักแบบวัยหวาน หนึ่งวันสีแดงแปร๊ด อีกวันสีมืดสนิทมาแล้ว แต่สุดท้ายมันก็ไม่ใช่ ยิ่งแพรผ่านการปฏิบัติธรรม แพรเย็นลงเยอะ พี่หมีก็เป็นผู้ใหญ่ หมดวัยจะชวนแพรทะเลาะแล้ว มีอะไรพูดกันไปเลย เพราะเราไม่อยากเสียเวลา
โดยทั่วไป แพรเป็นคนต้องการความชัดเจน ต้องรู้ว่าอะไรเป็นอะไร จนวันหนึ่งไปดูคอนเสิร์ตบอยด์ด้วยกัน ถึงเพลงใคร พี่หมีก็จับมือแพร ถามว่าเป็นแฟนกันนะ และแล้ว Turning Point ก็เริ่มต้นขึ้น หลังจากเป็นแฟน ก็แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังโทรคุยกันทุกวัน แต่ต้องออกตัวว่าไม่หวือหวา พยายามเป็นตัวของตัวเองและสม่ำเสมอที่สุด ผมเคยบอกแพรไว้ว่า อะไรที่ทำไม่ได้ หรือทำได้ไม่ตลอด จะไม่ทำนะ
"ใช่ค่ะ" คุณแพรรับช่วงที "เป็นคติประจำใจเลย อย่างเขาบอกว่า เขาไม่เปิดประตูรถให้นะ เพราะถ้าแต่งงานกันไปอีกสิบๆ ปี คงไม่ได้ทำอย่างนี้ทุกวัน และมันไม่ใช่สาระสำคัญในชีวิต หรือการให้ดอกไม้ พี่หมีก็จะไม่นิยมให้ดอกไม้ตามวาระ แต่ให้เมื่ออยากให้ เรียกว่า Play saveไว้ก่อน

ความรักของ แพร หมี และแม่
อาจเคยผ่านสายตามาบ้าง ถึงเงื่อนไขสำคัญสองข้อที่คุณเมตตามีไว้สำหรับเขยและสะใภ้ของบ้านอุทกะพันธุ์ โดยข้อแรกคือการไปปฏิบัติธรรมให้ครบสามครั้ง
ที่ผ่านมา ผมเป็นคนไกลวัด เพราะคิดว่า การเป็นคนดี ไม่ได้ตัดสินใจจากการเข้าวัดเสียหน่อย แต่ก็รู้ว่า ที่คุณแม่กำหนดมาแบบนี้ ก็เพื่อเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่ง นั่นคือให้ผมได้เรียนรู้ธรรมะ ให้รู้ทันความคิดและความโกรธของตัวเอง
คุณแม่เคยผ่านชีวิตคู่มาก่อน" ลูกสาวผู้แสนรู้ใจขอเสริม "สมัยที่ท่านยังอยู่กับคุณพ่อ แม้ว่าจะรักกันมาก แต่ยิ่งทำงานใกล้กัน ก็ยิ่งมีเรื่องทะเลาะกัน กว่าจะเข้าใจกันจริงๆ ก็เมื่อคุณพ่อป่วย ทัศนคติที่ท่านทั้งสองมีต่อกันจึงเปลี่ยนไป แพรรู้ดีว่าเมื่อท่านผ่านจุดนั้นมาแล้ว ท่านไม่อยากให้ลูกเดินตามรอยแบบนั้น คือได้รู้จักความสุขเมื่อเผชิญความทุกข์ครั้งใหญ่ ท่านเลยให้เราไปฉีดวัคซีนป้องกันทางใจไว้ก่อน

ความรักของ แพร หมี และงาน
คบกันได้สักพัก และเห็นว่าน่าจะจริงจังแล้ว คุณแม่บอกเรื่องนี้กับแพรตรงๆ ว่าอยากให้พี่หมีมาช่วยงาน พอดีว่าเรามีตำแหน่งว่างด้วย ตอนนั้นแพรห่วงเขามาก เพราะรู้ว่าเขาต้องเสียสละและต้องเจอกับแรงกดดันมากมาย เลยให้เขาตัดสินใจเอง และให้คุณแม่เป็นฝ่ายพูดกับเขาเองดีกว่า
ฟังเหมือนไม่มีอะไร แต่ผมยอมรับว่ามันซับซ้อนกว่าการเข้าวัดหลายเท่า เพราะการที่ผู้ชายจะเข้ามาทำงานในบริษัทของผู้หญิง และผู้หญิงคนนั้นยังได้รับการยอมรับอย่างมาก มันลำบากมาก แต่อมรินทร์เป็นเหมือนชีวิตของแพร เพราะฉะนั้น หลังจากที่คุณแม่บอกว่าอยากให้ผมมาช่วยงานบริษัท ผมจึงต้องกลับไปคิดหนัก เพราะถ้าผมมีปัญหา ก็คงไม่สามารถจะคบหากันต่อไปได้ ผมจึงเลือกว่า ถ้าการยอมรับเงื่อนไขข้อนี้ ทำให้เราสามารถเดินหน้าต่อไปด้วยกันได้ ผมก็ยอม
ชีวิตคู่ควรเป็นเรื่องของคนสองคน แต่แพรเหมือนบุคคลสาธารณะ” เขยอมรินทร์วัย 39 เปรย “คนอื่นๆ ล้วนอยากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใด แพรเป็นคนมีเหตุผล มีวิธีคิดที่ดี จึงช่วยให้เราผ่านพ้นเรื่องต่างๆ มาได้ เรื่องอื่นๆ ทีเหลือ ก็เหมือนๆ กันค่ะ คุยกันได้หมดทุกเรื่อง

ความรัก กับ การแต่งงาน
คุณหมีบอกว่า ตลอดเวลาที่คบกัน มีการเปรยเรื่องแต่งงานกันอยู่บ้าง เพียงแต่ยังไม่ใช่จังหวะที่สมควรเท่านั้น จนวันหนึ่ง ผมเคยบอกเขาว่า ถ้าแพรพร้อมเมื่อไหร่ มาขอพี่เองแล้วกัน คุณหมีหยอดมุข
แต่ในความสงบที่ว่านั้นก็มีความเคลื่อนไหวแอบแฝงอยู่ เพราะช่วงปลายปีที่แล้ว คุณหมีไปปรึกษาคุณแม่ของคุณแพรว่าอยากขอไซส์นิ้วลูกสาว เพื่อทำแหวนให้คุณแพรสักวงโดยไม่อยากให้คุณแพรรู้
"ตั้งใจจะใช้เป็นแหวนสำหรับขอแต่งงานโดยเฉพาะ” ลูกเขยดีเด่นเริ่มต้นเล่า “คุณแม่ก็ดีใจหาย จัดการเรียกร้าน เลือกเพชรเสร็จสรรพ ใจจริงผมอยากได้เป็นแหวนเกลี้ยงๆ ด้วยซ้ำ แต่ถ้าท่านเห็นว่าอย่างนี้ดี ลูกสาวท่านชอบแบบนี้ ก็ว่าตามกัน ตั้งใจว่าจะให้วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันครบรอบที่คบกัน แต่เขาแหละ ใจร้อน” คุณหมีโยนให้ฝ่ายคุณแพรเล่าบ้าง
คือปกติ แพรรู้ว่าเขาเป็นคนไม่ชอบให้อะไรตามวะระ แต่วาเลนไทน์ที่ผ่านมา เราจะคบกันครบสามปีแล้วนะ จะไม่มีอะไรให้สักหน่อยเหรอ ปากก็บอกว่าไม่คาดหวัง แต่เอ๊ะ เช้าแล้ว บ่ายก็แล้ว ทำไมเขาไม่มีอะไรให้เราเลย ทำไมเขาอย่างนั้น ทำไมเขาอย่างนี้ เริ่มบิ้วตัวเอง สักพักทนไม่ไหว โทรไปหา แถมโวยเขาใหญ่ว่าทำไมไม่สนใจเราเลย ไม่สำคัญเลยหรือไง ซึ่งเขาก็ไม่พูดอะไรมาก ปล่อยแพรระบายจนวางหูไป
คือพอเขาว่ามาอย่างนั้น ผมจึงตัดสินใจขับรถไปหาที่บ้าน เอาแหวนไปวางไว้ตรงหน้ารูปคุณพ่อ บอกท่านว่าจะขอลูกสาวท่านนะ แล้วก็กลับไปเลย หลังจากนั้น เราก็วางแผนอะไรมาตามลำดับ ไม่ได้มีอะไรหวือหวาตื่นเต้น ตลอดเวลาที่คบกัน ผมมีข้อตกลงระหว่างกันว่า หนึ่ง ต้องรักและปรารถนาดีต่อกัน สอง เอื้ออาทรต่อกัน สาม ให้ความเข้าใจซึ่งกันและกัน สี่ซื่อสัตย์ ไม่โกหกกัน สุดท้ายคือต้องรู้จักให้อภัย สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานหลักที่เราใช้มาเรื่อย
"แพรมีประโยคจากท่านติส นัส ฮันห์ ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับทุกคู่รัก นั่นคือ คู่รักควรมีความปรารถนาดีต่อกัน เพราะบริบทของความรักสามารถเปลี่ยนกันได้ จากวันแรกที่เจอ รู้สึกตื่นเต้น อยู่กันไปสิบปี ต้องมีวันเปลี่ยน เหมือนอาหารคำแรก กับคำสุดท้าย แต่เราจะทำอย่างไรให้ชั่วชีวิตเราสามารถอยู่ด้วยกันอย่างรักและปรารรถนาดีต่อกันได้ตลอดเวลา เช่นฝ่ายหนึ่งทุกข์ แทนที่อีกฝ่ายจะหงุดหงิด ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาอารมณ์บูดใส่แบบนี้ ท่านสอนว่าให้เราเดินเข้าไปแล้วพูดกับคู่ชีวิตของเราว่า “ที่รัก ..มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยทำให้เธอมีความสุขได้บ้าง” แรกๆ ถามอาจจะยังไม่ตอบ แต่ถ้าถามบ่อยๆ เขาเริ่มรู้ว่าเราเป็นห่วง ก็จะค่อยๆ พูดออกมาเอง”

ที่ดินผืนใหญ่ติดออฟฟิศซึ่งกำลังเติบโตเป็นเรือนหอผนวกกับพื้นที่ความเป็นอมรินทร์ที่เหลืออยู่ทั้งหมดอาจเป็นภาระที่ดูหนักหนาและมากมายเกินกว่ามือใครคนใดคนหนึ่งจะรับไหว แต่ตราบใดที่มีความรักจากครอบครัวและหัวใจที่แข็งแรงแน่นอนว่าปราการอันหนักแน่นนี้จะเป็นเสมือนพื้นฐานสำคัญซึ่งจะช่วยประคับประคองชีวิตคู่ให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

ไม่มีความคิดเห็น: