10.07.2551

More than love มากกว่ารัก

บุคลิกสาวเปรี้ยวเก๋เท่เดิร์นของคุณหญิงหมออาจดู ‘ขัดตา’ และทำให้ใครบางคน ‘ขัดใจ’ ตงิดๆ ด้วยดูห่างไกลจากภาพลักษณ์ความเป็นหมอในอุดมคติเสียจริง หากแต่ฝีมือส่งให้คุณหญิงหมอเป็นแพทย์ชันสูตรมือวางอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ไม่ว่าคดีเล็กใหญ่เป็นต้องเรียกใช้บริการ หวังให้เธอช่วยคลี่คลายไขความจริงให้กระจ่าง คุณสมบัติเหล่านี้คงเป็นใครไม่ได้ นอกจาก พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์

“ก็ไม่รู้ว่าอะไร ทำให้เราได้พบกัน ทั้งที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ เธอก็มีโลกของเธอ ต่างกับฉันมากมาย เหมือนไม่มีอะไรเลยที่คล้ายกัน”


เธออยู่ไหน...
เมื่อน้องสาวทั้งสองคนได้ไปศึกษาต่อต่างประเทศ คุณแม่ของคุณหญิงหมอจึงไปปรึกษาอาจารย์ศรีเพ็ญ จัตุทะศรี นักนั่งสมาธิที่เป็นที่เคารพนับถือของครอบครัว ด้วยอยากทราบว่าลูกสาวคนโตอย่างคุณหมอพรทิพย์จะมีโอกาสได้ไปบ้างหรือไม่ แต่อาจารย์กลับตอบมาว่า
‘ภายใน 6 เดือนนี้ได้แต่งแน่’
แม้คำตอบอาจดูไปคนละทางกับคำถาม แต่ความแม่นยำเมื่อครั้งกาลก่อน ทำให้ท่านไม่อาจมองข้ามคำทำนายทายรักของอาจารย์ไปได้
ส่วนคุณหญิงหมอจะด้วยความสงสัยใคร่รู้ หรืออยากพิสูจน์คำทำนายก็ตามที ผลที่ตามมาทำให้ต้องมานั่งลิสต์รายชื่อเป้าหมายที่เข้าข่ายมาเจ๊าะแจ๊ะตัวเองในช่วงนั้น เพื่อปฏิบัติภารกิจค้นหาตัวผู้ต้องสงสัย (ที่แอบมาตกหลุมรักคุณหญิงหมอ) ซึ่งขณะนั้นกำลังศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพทย์เฉพาะทางอยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาโรงพยาบาลรามาธิบดีจึงเป็นหนึ่งในสถานที่ (น่า) เกิดเหตุ (รัก) ที่ชวนสงสัยยิ่งนัก
ด้วยคุณหญิงหมอชักเอะใจสงสัยพฤติกรรมของหนุ่มแบงก์คนหนึ่ง หากแต่ไม่แน่ใจ จึงทำทีไปเบิกเงินที่ธนาคารทุกวัน สมัยนั้นยังไม่เป็นธนาคารอิเล็กทรอนิกส์อย่างทุกวันนี้ แต่ไม่ว่าจะต่อคิวช่องไหน เวลาอะไร เป็นได้เจอตาคนนี้ทุกครั้ง

ฉันอยู่นี่...

“คุณหมอมาสอบถามเรื่องการใช้ตำแหน่งแพทย์ค้ำประกันการกู้เงิน เพื่อส่งน้องสาวไปเรียนเมืองนอก ถือเป็นการกู้โดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน กรณีนี้พนักงานต้องส่งเรื่องมาถึงผมซึ่งเป็นสมุห์บัญชี” คุณวิชัยเล่าถึงโอกาสแรกที่ทำให้ได้พบคุณหญิงหมอ
“บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมผมถึงรู้สึกสนใจผู้หญิงคนนี้ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นคุณหมอเป็นผู้หญิง (แต่งตัว) ธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่กลับสะดุดตาสะดุดใจผมเข้าอย่างจัง ทำให้ยิ่งอยากรู้จักและอยากพูดคุยด้วย ผมได้แต่แอบเฝ้ารอดูว่าเมื่อไหร่คุณหมอจะมาที่ธนาคารอีก”
เมื่อฝ่ายแอบรักคิดว่าตัวเองเนียนไม่มีใครจับไต๋ได้ และฝ่ายถูกรักชักแน่ใจว่าหนุ่มคนนี้ชักเข้าเค้าแล้วสิ ก็มีเหตุให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้นโดยไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป
วันหนึ่งขณะที่คุณวิชัยกำลังประชุมอยู่กับฝ่ายตรวจสอบบัญชี จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังเข้ามาในห้องว่า “พี่วิชัย คุณหมอมา” เท่านั้นแหละ ปฏิกิริยาของร่างกายจึงตอบสนองการสั่งการของหัวใจทันที ทุกคนจึงได้เห็นอาการกระวีกระวาด รีบจนเตะเก้าอี้ล้มระเนระนาด เสียงดังโครมคราม เพื่อออกมาพบหน้าคุณหมอ
ชายหนุ่มหารู้ไม่ว่าในอีกมุมหนึ่ง เขาเองก็กำลังถูกคุณหญิงหมอประเมินท่าทีอยู่เหมือนกัน
“น้ำยาให้ผลบวกชัดเจน ไม่ต้องสงสัยเลย คนนี้แหละที่แอบสนใจเราอยู่” คุณหญิงหมอสรุปสมมติฐานนี้ด้วยความมั่นใจ



เพียงชายคนนี้ไม่ใช่...สเปก
สิ่งที่ทำให้คุณหญิงหมอตัดสินใจแต่งงาน เพราะเชื่อมั่นในการตัดสินใจของคุณพ่อ เชื่อว่าท่านคงดูคนไม่ผิด นอกจากนี้โดยส่วนตัวคุณหญิงหมอเชื่อและศรัทธาในธรรมะว่า เมื่อตัวเองทำดี คงได้คนดีเป็นคู่ชีวิต
อะไรทำให้คุณหญิงหมอไม่คิดรอผู้ชายที่พร้อมหรือคนที่ตรงสเปกกว่านี้
“ต้องบอกก่อนว่า พี่วิชัยต่างจากสเปกหมอทุกอย่าง เพราะครอบครัวหมอปลูกฝังมาว่า ผู้ชายต้องเก่ง ไฟเสียต้องเปลี่ยนได้ กลอนประตูหลุดต้องติดเป็น ต้องมีความเป็นผู้นำ คล่องแคล่วกล้าคิด กล้าทำ และกล้าตัดสินใจ ซึ่งไม่ใช่เขาเลย แต่ที่ตัดสินใจเลือกพี่วิชัย เป็นเพราะหมอเห็นข้อดีในตัวเขา ข้อแรกเขาเป็นคนใจเย็นมาก น่าจะเหมาะกับคนใจร้อนเป็นไฟอย่างหมอ สองเขาเลือกใช้การกระทำสื่อถึงความรักที่มีให้หมอแทนการพูดที่เขาไม่ถนัด ซึ่งหมอสัมผัสความรู้สึกนั้นได้ และสุดท้ายเขาเป็นคนไม่มีความละโมบ ไม่เคยอยากมี อยากได้ หรืออยากเป็นอะไรในชีวิตเหมือนอย่างคนอื่นเขา พูดอีกอย่างว่า สมถะเกือบจะเป็นพระอยู่แล้ว (หัวเราะ)
“พออยู่ด้วยกันจริงๆ แปลกที่หมอกลับไม่รู้สึกอึดอัดในสิ่งที่เขาเป็น ถามว่าทำไม คงเป็นเพราะความรักแท้ที่มั่นคงของเขา แม้จะไม่มีคำพูดหวานๆ มาอธิบายความในใจ แต่การแสดงออกด้วยการกระทำ กลับเป็นความสุขที่จีรัง ยิ่งนานวัน ยิ่งยืนยันว่าสิ่งนี้ทดแทนความคาดหวังทุกอย่างในสเปกที่เคยตั้งไว้ของหมอได้”


ยากไหมคะในการจัดการกับความคาดหวังของตัวเอง
“อืม...หมอว่าเราแค่มองสิ่งที่เขาเป็นในอีกมุมหนึ่ง เช่น หมอเคยอยากได้ผู้ชายที่มีความเป็นผู้นำ แต่ความเป็นผู้นำมักมาพร้อมความมีอัตตา หรือการถือตัวเองเป็นใหญ่ เมื่อเขาไม่มีความเป็นผู้นำก็ไม่ได้แปลว่าเขาเป็นคนไม่ดีสักหน่อย ตรงกันข้ามกลับทำให้เขาไม่เครียดและไม่รู้สึกว่าเราเก่งกว่า หรือการที่เขาเป็นคนไม่มีความทะเยอทะยานในหน้าที่การงาน ต่างจากผู้ชายคนอื่นที่ต้องการก่อร่างสร้างฐานะที่มั่นคง แต่ความทะเยอทะยานมักมาพร้อมความละโมบโลภมาก แต่หมออยากได้ความทะเยอทะยานที่ไม่ละโมบ ในเมื่อสิ่งที่อยากได้ไม่มาพร้อมกัน หมอขอเลือกคนไม่ละโมบอย่างเขาดีกว่า อยู่ด้วยแล้วสุขใจ ดีกว่ากันเยอะเลย
“นอกจากนี้ อะไรที่คิดไม่เหมือนกัน หมอจะตัดใจ ไม่หยิบมาเป็นปัญหาในชีวิตคู่ของเรา เช่น เมื่อหมอมีรายได้จากการเขียนหนังสือ เขาแนะนำให้เปิดบริษัทเพื่อเสียภาษีในอัตราที่น้อยลง ถามว่าผิดไหมในทางโลก คงไม่ผิด เพราะใครๆ ก็ทำกัน แต่ในทางธรรม หมอคิดว่าผิด เพราะเจตนาคือการเลี่ยงการเสียภาษีในอัตราที่กำหนดไว้ เป็นต้น ซึ่งสุดท้ายเขาก็โอนอ่อนผ่อนตามหมอนะ”

คุณหญิงหมออึดอัดไหมที่คู่ชีวิตเราต่างกันสุดขั้วอย่างนี้
"ไม่เลย กลับรู้สึกดีเสียอีก อย่างเขาเป็นคนไม่วางแผนอะไรในชีวิตเลย เป็นคนง่ายๆ ใจเย็น ทำให้หมอซึ่งเป็นคนแอคทีฟตลอดเวลา ทำอะไรแคล่วคล่องว่องไว ได้ลดจังหวะชีวิตให้ช้าลงบ้าง ใช้ชีวิตง่ายขึ้น เพิ่งรู้ว่าการใช้ชีวิตแบบไม่ต้องแพลนบ้างก็ดีนะ ไม่ต้องกดดันตัวเอง ใครๆ มักมองว่าหมอเป็นผู้หญิงเก่ง คนที่อยู่ด้วยจะรู้สึกถูกข่ม แต่เขาไม่คิดอย่างนั้น เขาไม่เคยเสียเวลามาคิดว่าฉันหรือเธอ ใครเก่งกว่ากัน แต่เขาจะแสดงให้เห็นว่าเราสองคนอยู่กันคนละบทบาท และเราต่างมีความ

ถนัดแตกต่างกันไป ทำให้หมอไม่ต้องอึดอัดในการวางตัว
สิ่งสำคัญที่ทำให้หมอคิดและทำได้อย่างนี้มาจากครั้งหนึ่งเคยถามเขาว่าอยากได้อะไรเป็นของขวัญวันคล้ายวันเกิดบ้างไหม เขาตอบว่า ‘ไม่อยากได้อะไร อยากให้หมอรักเขานานๆ ก็พอ’ --- ฟังแล้วก็เลยรู้สึกว่า ชีวิตเขาต้องการแค่นี้เอง แค่อยากได้ความรักจากเรา หมอเองซะอีก ทำร้ายจิตใจเขาด้วยการเอาแต่ใจตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำ ไม่เคยคิดถึงใจเขา เวลาไปไหน เขาจะชอบถามว่าไปเส้นทางไหนดี แยกซ้ายหรือเลี้ยวขวาดี หมอตัดรำคาญด้วยการตอบแบบไม่ใส่ใจ ‘ไปทางไหนก็ไปเถอะ’ เขาก็ไม่เคยโกรธหรือโมโหที่หมอหงุดหงิด”
“พอผมปรับตัวทำอย่างที่เขาต้องการ กลับมาถามผมอีกว่า ทำไมมาทางนี้” ว่าแล้วสองคนก็ประสานเสียงหัวเราะกันอย่างมีความสุข
เล็กๆ น้อยๆ เราก็ยอมกันไป
“เสียงกรน” เป็นอุปสรรคตัวเอ้ของคุณหญิงหมอในค่ำคืนแรกของการแต่งงาน “ไม่อยากเชื่อว่าคนเราจะกรนได้เสียงสนั่นลั่นบ้านขนาดนี้ เป็นอันต้องทำสนธิสัญญาตกลงกันว่า ห้ามนอนหลับก่อนหมอเป็นอันขาด แต่เขาเป็นคนหลับง่าย หัวถึงหมอนปุ๊บหลับปุ๋ยเลย หลังๆ หมอเริ่มชินไปเอง จะบังคับให้เขาถ่างตารอเราหลับก่อนก็ไม่ได้ เพราะหมอเป็นคนนอนดึก”


กฎทองในการครองคู่
...ผมต้องรักคุณหมอให้มากและรักให้นานที่สุด เพราะคงเป็นชาตินี้เท่านั้นที่เราจะได้อยู่ร่วมกัน ชีวิตคุณหมอเมื่อดับสูญไปคงไม่ต้องกลับมาใช้กรรมเหมือนคนอื่นอีกแล้ว ผมซะอีกที่ต้องมาเริ่มเก็บไมล์สะสมความดี แต่คงไล่ไม่ทันคุณหมอ ชาติหน้าคงต้องกลับมาใช้กรรมอีกนั่นแหละ... จากหนังสือ “คนข้างหมอ (นาย)” ของวิชัย โรจนสุนันท์

“คุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นคู่ชีวิตกลับไม่ใช่ความเก่งอย่างที่หมอเคยคิด ชีวิตคู่ต้องการความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบต่างหาก”
“เวลาเกิดปัญหา อยากให้มองที่ตัวเองก่อน และเลือกแก้ไขที่ตัวเองเป็นอันดับแรก อย่างหมอเมื่อนั่งไล่เรียงให้ดีๆ แล้วพบว่า หมอเองนี่แหละตัวปัญหาที่ต้องการนั่น ต้องการนี่อยู่ตลอด ในขณะที่เขาเป็นคนไม่เรื่องมาก แค่เขาเห็นว่าหมออารมณ์ดี เขาก็สุขไปเยอะแล้ว เพราะหมองานหนัก มีแต่เรื่องทุกวัน วันไหนไม่มีเรื่องอะไร เขาก็ไม่ต้องมาคอยถามไถ่ สามารถนั่งดูทีวี ดูหนังจีนกำลังภายในที่เขาชอบได้

“สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเราสองคนคือลูก- น้องเท็น (ญารวี โรจนสุนันท์) ส่วนตัวหมอเชื่อว่าธรรมะจัดสรรให้เราได้น้องเท็นมา หลังจากที่อยู่กันมาสิบปี ลูกเป็นส่วนที่มาเติมเต็ม ทำให้เราปรับตัวเข้าหากันมากขึ้น ไม่อย่างนั้นเราอาจแยกทางกันไปแล้วก็ได้ ไม่ใช่ไม่รักนะ แต่เมื่ออยู่ด้วยกันถึงจุดจุดหนึ่ง ในขณะที่หมอทุ่มเทให้กับงานอย่างไม่ลืมหูลืมตา แต่เมื่อมีลูก ความรักของเรารวมกันอยู่ที่ลูก เวลาลูกเห็นเราหน้าเครียด จะเข้ามานัวเนีย บอกพ่ออย่าทำให้แม่เครียดสิ แล้วก็หันมาบอกหมอว่า แม่ก็อย่าว่าอะไรพ่อนักสิ”

ชีวิตที่เรียบง่าย ทำให้รู้สึกเบื่อบ้างไหม
คุณหญิงหมอเปิดใจว่า “ไม่เลย ถ้าเราเข้าใจว่าสิ่งที่เราต้องการมันคือการปรุงแต่งว่า เขาควรเป็นอย่างนั้น เขาควรทำอย่างนี้ แต่ถ้ามองให้ดี คิดให้ลึก ชีวิตเรียบง่ายอย่างนี้ต่างหากที่มนุษย์ทุกคนปรารถนา คือการไม่ปรุงแต่ง ไม่อยากมี ไม่อยากได้ และไม่อยากเป็น หมอมองว่านี่ต่างหากคือความสุขที่แท้จริงและจีรังยั่งยืน”
“ส่วนผมขอเพียงได้กอดคุณหมอทุกคืนก็ชื่นใจพอแล้ว ยิ่งได้เห็นคุณหมอและลูกมีความสุข ผมเองก็มีความสุขที่สุดแล้วครับ”
อยู่แบบพอเพียง สุขแบบเรียบง่าย เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของความรักที่น่าเอาอย่างจริงๆ ว่าไหมคะ คุณผู้อ่าน

ไม่มีความคิดเห็น: